หากคุณถามสตรีมุสลิม ว่าทำไมจึงแต่งกายเช่นนี้
ปกปิดเสียมิดชิด
ทั้งที่โลกปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยเสรี
เธอจะตอบคุณอย่างภาคภูมิว่า...
เพราะฉันเป็นมุสลิม
ผมขอเชิญทุกคนครับ
ขอเชิญสุภาพสตรีที่นี่ทุกคน
อีกทั้งเชิญสตรีที่ไม่ใช่มุสลิมด้วย
ให้ลองได้พูดคุยกับสตรีมุสลิม ก่อนที่คุณจะออกไปจากที่นี่
ผมว่า...เราลองไม่ต้องถาม คุณบาบาร่า วอลเทอร์
ว่าสตรีมุสลิมรู้สึกอย่างไร
ลองไม่ต้องถาม นายทอม โบรดอล
ว่าสตรีมุสลิมรู้สึกอย่างไร
ไม่ต้องไปถาม CNN ABC FOX
London times หรือ Australian times
หรือว่าคนที่ไม่ใช่มุสลิม
ว่าสตรีมุสลิมรู้สึกอย่างไร
พวกเธออยู่กันอย่างไร
อะไรคือหลักในการดำเนินชีวิตของพวกเธอ
และพวกเธอต้องเผชิญความท้าทายอย่างไรบ้าง
หากคุณยุติธรรมพอ...
ถามสตรีมุสลิมซิครับ
หากผมไปบ้านคุณ และผมถามคุณว่า
ขอผมชมเพชรของคุณ เงินของคุณ
เครื่องประดับของคุณ และขอทราบรหัสผ่านต่างๆได้ไหม
คุณไม่มีทางให้ผมหรอก
ครับ...สตรีของพวกเรา ภรรยาของเรา แม่ของเรา และลูกสาวของเรานั้น
ล้ำค่าและเป็นที่รักแก่พวกเรา
มากกว่าเพชรพลอย เงินทอง และรหัสผ่านต่างๆ
ไม่มีอะไรอีกแล้วครับ!!!
จะสวยงามไปกว่าสตรีมุสลิม
ไม่มีใครที่จะมาเสมือนพวกเธอได้
เธอผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ (ซ.บ.)
เธอซึ่งแต่งกายโดยหวังความพอพระทัยแห่งอัลลอฮฺเท่านั้น
และแตกต่างกับสตรีผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างสิ้นเชิง!!!
ครั้งเมื่อเธอจะออกจากบ้าน
เธอจะส่องกระจก เหมือนกับที่สตรีทั่วไปทำกัน
ทว่าจุดมุ่งหมายในการส่องกระจกนั้น...ต่างกัน
เพราะเมื่อผู้หญิงทั่วไปส่องกระจก
เธอจะสนใจในความงาม ชื่นชมจุดเด่นของตัวเอง
มั่นใจว่าสวย และจะสามารถดึงดูดเพศตรงข้างได้
แต่เมื่อสตรีมุสลิมส่องกระจก
เธอต้องมั่นใจว่า เธอแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด
มั่นใจว่าอัลลอฮฺ (ซ.บ.) จะทรงพอพระทัยในตัวเธอ
เพื่อที่เมื่อเธอก้าวออกไปข้างนอก การปกปิดของเธอนั้นจะทำให้อัลลอฮฺ (ซ.บ.) พึงพอพระทัย
หากเธอทำเช่นนั้น...เธอช่างงดงามจริงๆ
ตรงข้ามกันเสียจริง!!!
"...ความงามขึ้นอยู่กับสายตาของผู้เชยชม..."
หากคุณยุติธรรมพอ
ถามสตรีมุสลิมซิครับ
ฉันคือมุสลิม ศาสนาของฉันคืออิสลาม เมื่อฉันได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมุสลิม ถ้าฉันไม่ทำตามบทบัญญัติของศาสนาฉัน แล้วฉันจะกล้าบอกได้ไงว่าฉันเป็นมุสลิม ฉันมีศาสนาก็ต้องทำตามบัญญัติศาสนา หากฉันไม่ทำตามบทบัญญัติของศาสนา แล้วฉันจะมีศาสนาไปเพื่ออะไร
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554
พระไตรปิฎก Vs ไบเบิล Vs อัลกุรอ่าน เกี่ยวกับโลก
พระไตรปิฎก กับโลก
ตามพระไตรปิฎก ตัวพระพุทธเจ้ายืนยันเอาไว้ว่า โลกเรานั้นตั้งอยู่บนน้ำ และตั้งอยู่บนลมอีกที ซึ่งขัดต่อความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์อย่า
พระ ไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ทีฆนิกาย มหาวรรค๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖) [๙๗] ครั้งนั้น พระอานนท์ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอเหตุไม่เคยมีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ ความ
ขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุ
อะไรหนอเป็นปัจจัยสำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
เข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
ท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูล
เหตุไม่เคยมีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ ความ
ขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุ
อะไรหนอเป็นปัจจัย สำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
[๙๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพระอานนท์ เหตุ ๘ ประการ
ปัจจัย ๘ ประการเหล่านี้แล เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ๘ ประการเป็นไฉน ฯ
ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ
สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยัง
แผ่นดินให้ไหว อันนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่
ปรากฏ ฯ ......
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_ite
----------------------------------------
ไบเบิล กับโลก
ในขณะที่คัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่าโลกนั้นมีเสา
[ พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขอทานขึ้นจากกองขยะ กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น ] ( 1 ซามูเอล 2:8 )
[ ผู้ทรงสั่นแผ่นดินโลกให้ออกจากที่ของมัน และเสาของมันก็สั่นสะเทือน ] ( โยบ 9:6 )
[ เมื่อแผ่นดินโลกละลาย พร้อมทั้งบรรดาชาวแผ่นดินโลกนั้น ผู้ที่รักษาเสาของมันให้มั่นอยู่คือเราเอง
----------------------------------------
อัลกุรอ่าน กับโลก
"And Allah has made the Earth for you as a CARPET (spread out)" (Quran Sura 71:19)
และ อัลเลาะห์ ได้สร้างโลกสำหรับคุณดังเช่น พรม (ที่คลี่ออกมา)
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความหมายคือ
"และอัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินนี้ราบเรียบกว้
การคลี่ออกมาเหมือนพรม นั่นไม่ได้หมายความว่า โลกจะแบน แต่หมายถึงว่าแผ่นดินนั้นแบนราบ มันต่างกัน อัล-อัรฎ แปลว่า แผ่นดิน
ผมขอยกข้อความจากอัลกุรอ่าน
"(กุรอ่าน88:20) "และยัง(ไม่พิจารณา)แผ่นดินบ้างหรือว่ามัน
.....โองการนี้เกี่ยวกับ "การใช้สติปัญญาพินิจ พิเคราะห์" ครับ ต่อเนื่องมาจาก
(กุรอ่าน88:17) "พวกเขาไม่พิจารณาดู...." จึงเป็นการบอกในลักษณะที่คนทั่วไปในสมัยนั
อยากให้ลองดูอีกโองการนึงคือ
(กุรอ่าน15:19) "และแผ่นดินนั้นเราได้แผ่มันออกไป และเราได้ทำให้มีเทือกเขาเป็นที่ยึดอย่างม
อันนี้เป็นการพูดถึงการสร้างสรรค์ของพระเจ
"เรา ได้แผ่มันออกไป" ในโองการนี้ ใช้คำว่า "มะดัดนา" แปลเป็น"Extended" หากโลกใบนี้"แบน" เราจะใช้คำว่า "มะดัดนา" ไม่ได้ เพราะเดินๆอยู่ เราเองจะตกขอบโลก!! แต่คำนี้ หมายถึงการที่เราเดินอยู่ แล้วก็สามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก เมื่อเราเดินต่อๆไปแล้ว ก็ต่อไปอีก วนๆ จนกลับมาอีกทีครับ
การแผ่ขยายของพื้นดินกับโลกแบนมันต่างกันน
คงเคยได้ยินเรื่องของการเคลื่อนที่ของแผ่น
แผ่นเปลือกโลกไม่ได้อยู่นิ่ง แต่มีการเคลื่อนที่คล้ายการเคลื่อนย้ายวัต
51:48 And we made the earth habitable; a perfect design.
51:48 และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม
“พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง พระองค์ทรงให้
กลางคืนที่คาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน
(อัลกุรอาน 39:5)
ใน อัลกุรอาน คำที่ใช้บรรยายถึงจักรวาลนั้นน่าสนใจยิ่ง คำภาษาอาหรับว่า “ ตักวีร ” หมายความว่า “สิ่งหนึ่งเกยซ้อนกับอีกสิ่งหนึ่ง เหมือนกับการพับผ้า” (พจนานุกรมภาษาอาหรับอธิบายว่า เป็นการพันสิ่งหนึ่งเข้ากับอีกสิ่งหนึ่ง)
ข้อความในอายะฮ์เกี่ยวกับเวลากลางวันและกล
อย่างไรก็ตามเราควรตระหนักว่าความเข้าใจทา
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากอัลกุรอ่าน อัลกุรอ่าน คือ สัจธรรม อัลกุรอ่านไม่ใช่สารานุกรมทางวิทยาศาสตร์
[10:37] และอัลกุรอานนี้มิใช่จะถูกปั้นแต่งขึ้นโดย
"บรรดาผู้ปฏิเสธไม่เห็นดอกหรือว่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันแล้วเราได้แยกมันออกเป็นชั้นๆ และเราได้ให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งเกิดมาจากน้ำ" (ซูเราะฮ อัล-อัมบิยาอ์ อายะฮที่ 30)
และตอนนี้วิทยาศาสตร์ได้บอกไว้ว่าต้นตอของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาจากน้ำ
นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอัลกุรอ่าน แน่นอนอัลกุรอานไม่ใช่หนังสือวิทยาศาสตร์ แต่อัลกุรอานก็ได้ระบุถึงข้อเท็จจริงทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ค้นพบด้วยเทคโนโลยีในยุคศตวรรษที่ 20 เอาไว้อย่างลึกซึ้ง
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่อยากให้พี่น้องได้ทำความเข้าใจ ไว้จะมาเพื่มเติมให้ใหม่ อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม
อ้างอิงโดย Hassan Aero
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน<<>>มหัศจรรย์ อัลกุรอาน||อัลกุรอานคัมภีร์ไร้ข้อบกพร่อง&&อัลกุรอานคัมภีร์มหัศจรรย์ 2/2
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน<<>>มหัศจรรย์ อัลกุรอาน||อัลกุรอานคัมภีร์ไร้ข้อบกพร่อง&&อัลกุรอานคัมภีร์มหัศจรรย์ ตอน2
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 6
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 6
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน -7
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน -8
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน<<>>มหัศจรรย์ อัลกุรอาน||อัลกุรอานคัมภีร์ไร้ข้อบกพร่อง&&อัลกุรอานคัมภีร์มหัศจรรย์ 1/2
จะเป็นยังไงเมื่ออัลกุรอานได้บอกเรื่องราวต่างๆไว้เมื่อหนึ่งพันสี่ร้อยปีก่อน เพื่อพิสูจน์ความเป็นหนึ่งเดียวของพระผู้เป็นเจ้า วิทยาศาสตร์คือเครื่องพิสูจน์ความจริงที่มีทั้งหลักการและเหตุผล และทุกครั้งที่พิสูจน์ความจริงได้ อัลกุรอานกลับได้พิสูจน์ความจริงไว้แล้วก่อนหน้า (ก่อนที่วิทยาศตร์จะเกิดขึ้นด้วนซ้ำ) แม้กระทั้งทฤษฎีของกาลิเลโอที่ได้บอกไว้ว่าโลกไม่ได้แบนตามความเชื่อของ คริสต์ แต่อัลกุรอานได้บอกไว้ก่อนหน้าแล้ว บอกไว้ก่อนที่บิดามารดาของกาลิเลโอจะเกิดมาด้วยซ้ำ
กำเนิดโลกการโคจร
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 1
กำเนิดโลกการโคจร
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 1
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 2
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 3
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 4
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 5
ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน - 6
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)