ชีวิตมุสลิมทุกวันนี้ ดูคลุมเครืออย่างไรชอบกล อิสลามเป็นศาสนาที่เรียบง่ายก็จริง แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายที่คิดจะทำอะไรก็ลุกขึ้นมาทำ
ครั้นพอเบื่อก็เลิกทำซะงั้น
หลายคนยังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าในเรื่องหลักการศาสนา
ความเคยชินที่น่ากลัวคืออะไร อ่านต่อไปสิ ฉันกำลังจะเล่าเรื่องจริงให้ฟัง
1
เด็กสาวทำงานบ้านที่บ้านฉันก็เป็นหนึ่งในความเคยชินนั้น เธอมาช่วยฉันทำงานประมาณ 4 ปีแล้ว ฉันยังนึกภาพเธอในวันแรกได้ดี เธอสาวสวยและคลุมฮิญาบเรียบร้อย เวลามาถึงเทธจะกล่าวให้สลามแก่ฉันและทุกคนในบ้านเช่นเดียวกับเวลาที่เธอจะกลับ นอกจากงานที่บ้านแล้วเธอยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอบอกว่าอยากหารายได้เป็นค่าหน่วยกิต
อีก 2 ปีต่อมาเธอยังเรียนอยู่เหมือนเดิมแต่เป็นปีสุดท้าย และเธอก็ได้งานทำที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุรีวงศ์ เธอเริ่มเปลี่ยนไป เธอแต่งตัวสวยขึ้น บอกว่าเป็นฟอร์มของโรงแรม แต่ที่ฉันสะดุดตาก็คือ เธอปล่อยผมสยายแถมทำสีซะด้วย ฮิญาบเธอหายไปไหน? ไม่มีวี่แววแห่งความเขินอาย กลับดูภาคภูมิใจด้วยซ้ำ ฉันเคยทักเธอว่าฮิญาบหายไปไหนล่ะ เธอบอกว่า “ยังไม่ได้ขออนุญาตทางโรงแรมเพราะตอนสมัครงานไม่ได้คลุมฮิญาบไป”
หลังจากนั้นไม่ว่าเธอจะต้องไปทำงานหรือไม่ หรือมีธุระออกไปไหน เธอก็ไม่คลุมฮิญาบอีกเลย เธอเริ่มเคยชินกับภาพลักษณ์ของเธอวันแล้ววันเล่า จนเกิดความชินชา และไม่รู้สึกผิดเสียแล้ว
2
ลูกชายของเพื่อนบ้านติดกัน เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย เรียนหนักเรียนทุกวัน วันศุกร์ก็มีเรียนถึงบ่ายสอง จะทำอย่างไรกับละหมาดวันศุกร์ดีเล่า กลับไม่ทันแน่ๆ โดดเรียนก็ไม่ได้เพราะเป็นวิชาสำคัญอาจารย์เล่นงานแน่เลย ไม่เป็นไรน่าถ้าจะหยุดสักศุกร์แล้วกลับไปละหมาดบ่ายใช้เอา
ศุกร์ถัดมา วันนี้มีพรีเซนท์งานยิ่งโดดไม่ได้ใหญ่เลย เพิ่งสองศุกร์เอง คงไม่เป็นไรน่า เพื่อนมากันครบ เพื่อนมุสลิมในห้องก็เห็นเขามาทั้งสองศุกร์ เอาเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน
ศุกร์ที่สาม อาจารย์นัดสอบตายละซิ! ขึนโดดเรียนวันนี้เป็นเรื่องแน่เลยเรา นั่นไง! เพื่อนมุสลิมเขายังมาเลย เรามีเพื่อนแล้ว เดี๋ยวกลับบ้านไปถ้าอาเยาะห์ถาม ก็อ้างได้ว่าสอบวิชาสำคัญ เขาเริ่มแก้ตัวให้ตัวเองเรื่ยมาและเริ่มชินชากับการขาดละหมาดวันศุกร์ จนถึงทุกวันนี้ เขาทำงานแล้ว เขาก็อ้างว่ามัสยิดอยู่ไกลที่ทำงาน ไป-กลับไม่ทัน
3
แม่ค้ามุสลิมที่ตลาดใกล้บ้าน ร้องตะโกนเรียกคนซื้อเสียงดัง “ข้าวสวยถุง แกงถุง ขนมถุง มีพร้อมน่ะจ๊ะ”
เมื่อหันไปดูจึงรู้ว่า แม่ค้าเหล่านั้นขายของเพื่อให้นซื้อไปใส่บาตรเพราะวันนั้นเป็นวันพระ พวกเธอคงเห็นว่าถ้าตักข้าวแกงขายปกติคงขายยาก จึงประยุกต์ตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ โดยจัดเป็นถุงเป็นชุด เพื่อให้ขายง่ายขึ้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะได้รับความสนใจ ขายดิบขายดี เธอเริ่มคิดว่าช่องทางทำกินของเธอมาถูกทางแล้ว
จากนั้นมา ทุกวันพระ เธอก็จัดข้าวแกงขนมเป็นถุงๆ มาขายอีกและขายดีตลอดมา ฉันอยากรู้จังว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงเข้าไปถามว่า “ทำไมขายแบบนี้ละจ๊ะ” ความจริงอยากถามว่า “ทำไมส่งเสริมกันขนาดนี้ล่ะจ๊ะ” แต่ต้องเริ่มเบาๆก่อน แต่นั่นแหละเหมือนเธอจะคำถามในใจของฉันออก เพราะเธอตอบว่า “ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เราก็ค้าขายของเรา เขาจะเอาปทำอะไรก็เรื่องของเขา ไม่ได้บอกให้เอาไปใส่บาตรสักหน่อย ฉันว่าคงไม่บาปหรอกน่า คิดมากไปได้”
เป็นงั้นไป!!
เมื่อเธอเริ่มเคยชินกับวิธีการขายแบบนี้ แล้วเยาวชนมุสลิมรุ่นหลังที่เห็นพฤติกรรมนี้บ่อยๆ จะเข้าใจอย่างไร ในเมื่อผู้ใหญ่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างเสียแล้ว
4
ฉันรู้สึกเศร้าใจเหลือเกินที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ทั้งที่ได้พยายามทำหลายอย่างแล้ว ทำไมเขาไม่นึกถึงวันอาคิเราะหฺกันเลย ทำไมถึงเอาแต่เรื่องดุนยา
ฉันเริ่มกลัว...กลัวเหลือเกินว่า ฉันจะเคยชินกับสภาพรอบข้างที่ประสบอยู่
ขออัลลอฮ ซ.บ. ทรงคุ้มครองฉันและครอบครัวด้วยเถิด นาอูซุบิลลาฮิมินซาลิก...
มุมินะหฺ ชาติทอง บทความวารสารโรตีมะตะบะ
ความเคยชินหลายๆอย่างที่เราคิดว่า” ไม่เป็นไรหรอก” นั้น
โปรดตรวจสอบความจริงให้แน่เสียก่อน เพราะอัลลอฮให้ สมอง เราได้คิดพิจารณา ไตร่ตรอง มิใช่เป็นเพียงแค่ ก้อนเนื้อคั่นหูทั้งสอง...
ความเคยชินบางอย่างที่เรามองข้ามมันไป หรืออาจรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่ใส่ใจ เช่น
- ละเลยต่อการละหมาด ตั้งแต่เวลาเนิ่นๆ
- การพูดจากระโชกโฮกฮากกับน้องชายที่ (กวนประสาท)
- การเถียงพ่อแม่ที่เราอาจไม่รู้ตัว บ่อยๆจนเกินความเคยชิน
- การกินของที่ต้องสงสัยว่าฮาลาลหรือไม่ จนคิดว่ามันกินได้....
- ก็ดูทีวี ที่เราตั้งใจดูข่าวหรือสิ่งที่มีประโยชน์ แต่หารู้ไม่ว่า โฆษณาที่ใช้คั่นรายการนั้น เต็มไปด้วยการมองที่ทำให้เกิดฟิตนะ เช่น ผู้หญิงใช้สบู่ แชมพู , ผู้ชายใช้โรลออน โฟมล้างหน้า ฯลฯ
- การไม่คลุมฮิญาบเพราะคิดว่าแค่หน้าบ้านหรือข้างบ้าน
- ละเลยต่อการทำความสะอาดตัวเอง และที่อยู่อาศัย เพราะคิดว่า
.....ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร....
หากเราเองไม่ใส่ใจตัวเรา
แล้วจะให้พระองค์มาใส่ใจดูแลเราให้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองอย่างนั้นหรือ???
การตรวจสอบตัวเองในทุกๆวันนั้น เป็นสิ่งสำคัญ!! ขอบอกว่าสำคัญจริงๆสำหรับผู ้ศรัทธา
ทุกอย่างที่นำเสนอนั้น ถือเป็นการเตือนตัวเองด้วยเช่นกัน
“ขอพระองค์นำทางข้าพระองค์สู่ทางอันเที่ยงตรง ทางของบรรดาที่พระองค์ทรงโปรดปราน
มิใช่ทางของผู้ที่ถูกกริ้ว แล้วมิใช่ทางของผู้ที่หลงผิด”
(อัลฟาติหะฮฺ อายะห์ที่ 6-7 )
หากเราทำสิ่งใดผิดไป แล้วเรารู้ตัว อัลฮัมดูลิลลาอฮ ที่เราได้ทันรู้ตัว
และสำหรับผู้ฉลาดนั้นเขาจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ....เขาจะรีบสำนึกผิด อัซตัฆฟิลุลอฮ แล้วเปลี่ยนแปลง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น