วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

พระไตรปิฎก Vs ไบเบิล Vs อัลกุรอ่าน เกี่ยวกับโลก



พระไตรปิฎก กับโลก

ตามพระไตรปิฎก ตัวพระพุทธเจ้ายืนยันเอาไว้ว่า โลกเรานั้นตั้งอยู่บนน้ำ และตั้งอยู่บนลมอีกที ซึ่งขัดต่อความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์อย่า
งเห็นได้ชัด อีกทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวก็ขัดกันอย่างชัดเจนเช่นกัน



พระ ไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ทีฆนิกาย มหาวรรค๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖) [๙๗] ครั้งนั้น พระอานนท์ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอเหตุไม่เคยมีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ ความ

ขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุ

อะไรหนอเป็นปัจจัยสำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้น

เข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น

ท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์

เหตุไม่เคยมีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ ความ

ขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุ

อะไรหนอเป็นปัจจัย สำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

[๙๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพระอานนท์ เหตุ ๘ ประการ

ปัจจัย ๘ ประการเหล่านี้แล เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ๘ ประการเป็นไฉน ฯ

ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ

สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยัง

แผ่นดินให้ไหว อันนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่

ปรากฏ ฯ ......



http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=10&A=1888



--------------------------------------------.

ไบเบิล กับโลก

ในขณะที่คัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่าโลกนั้นมีเสาค้ำยันอยู่

[ พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขอทานขึ้นจากกองขยะ กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น ] ( 1 ซามูเอล 2:8 )

[ ผู้ทรงสั่นแผ่นดินโลกให้ออกจากที่ของมัน และเสาของมันก็สั่นสะเทือน ] ( โยบ 9:6 )

[ เมื่อแผ่นดินโลกละลาย พร้อมทั้งบรรดาชาวแผ่นดินโลกนั้น ผู้ที่รักษาเสาของมันให้มั่นอยู่คือเราเอง เซลาห์ ] ( เพลงสดุดี 75:3 )

--------------------------------------------.

อัลกุรอ่าน กับโลก

"And Allah has made the Earth for you as a CARPET (spread out)" (Quran Sura 71:19)
และ อัลเลาะห์ ได้สร้างโลกสำหรับคุณดังเช่น พรม (ที่คลี่ออกมา)


ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความหมายคือ
"และอัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินนี้ราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับพวกท่าน"
การคลี่ออกมาเหมือนพรม นั่นไม่ได้หมายความว่า โลกจะแบน แต่หมายถึงว่าแผ่นดินนั้นแบนราบ มันต่างกัน อัล-อัรฎ แปลว่า แผ่นดิน

ผมขอยกข้อความจากอัลกุรอ่าน

"(กุรอ่าน88:20) "และยัง(ไม่พิจารณา)แผ่นดินบ้างหรือว่ามันถูกแผ่ลาดไว้อย่างไร ?"

.....โองการนี้เกี่ยวกับ "การใช้สติปัญญาพินิจ พิเคราะห์" ครับ ต่อเนื่องมาจาก
(กุรอ่าน88:17) "พวกเขาไม่พิจารณาดู...." จึงเป็นการบอกในลักษณะที่คนทั่วไปในสมัยนั้นสังเกตุเห็นได้ นั่นก็คือ หากมองแผ่นดิน(โลก) ออกไปแล้ว จะเหมือนกับว่า แผ่นดินได้ถูกลาดออกไป เป็นแผ่นๆ

อยากให้ลองดูอีกโองการนึงคือ
(กุรอ่าน15:19) "และแผ่นดินนั้นเราได้แผ่มันออกไป และเราได้ทำให้มีเทือกเขาเป็นที่ยึดอย่างมั่นคง และเราได้ให้ทุกสิ่งงอกเงยอย่างสมดุล"
อันนี้เป็นการพูดถึงการสร้างสรรค์ของพระเจ้าครับ ที่น่าทึ่งของโองการนี้คือ เป็นการกล่าวไว้ชัดเจนที่สุดในกุรอ่านว่า "โลกใบนี้ กลม!!" ทำไม?

"เรา ได้แผ่มันออกไป" ในโองการนี้ ใช้คำว่า "มะดัดนา" แปลเป็น"Extended" หากโลกใบนี้"แบน" เราจะใช้คำว่า "มะดัดนา" ไม่ได้ เพราะเดินๆอยู่ เราเองจะตกขอบโลก!! แต่คำนี้ หมายถึงการที่เราเดินอยู่ แล้วก็สามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก เมื่อเราเดินต่อๆไปแล้ว ก็ต่อไปอีก วนๆ จนกลับมาอีกทีครับ

การแผ่ขยายของพื้นดินกับโลกแบนมันต่างกันนะครับ คนที่เข้าใจว่าโลกแบน ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะเข้าใจว่าพื้นโลกกำลังขยายตัว

คงเคยได้ยินเรื่องของการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือก โลก (Plate Tectonics) ที่เสนอว่าพื้นโลกเคยเป็นแผ่นดินเดียวกัน เรียกว่า PANGAEA ซึ่งต่อมาค่อยๆ เคลื่อนตัวขยายออกมาก จนกลายมาเป็นทวีปต่างๆในปัจจุบัน

แผ่นเปลือกโลกไม่ได้อยู่นิ่ง แต่มีการเคลื่อนที่คล้ายการเคลื่อนย้ายวัตถุบน สายพานลำเลียงสิ่งของ จากผลการสำรวจท้องมหาสมุทรในช่วงทศวรรษ ๒๔๙๐ พบว่า มีแนวสันเขากลางมหาสมุทร รอบโลก (Global Mid Ocean Ridge) ซึ่งมีความยาวกว่า ๕๐,๐๐๐ กิโลเมตร กว้างกว่า ๘๐๐ กิโลเมตร จากการศึกษาทางด้านธรณีวิทยา พบว่า หินบริเวณสันเขาเป็นหินใหม่ มีอายุน้อยกว่าหินที่อยู่ในแนวถัดออกมา จึงได้มีการตั้งทฤษฎีว่า แนวสันเขากลางมหาสมุทรนี้คือ รอยแตกกึ่งกลางมหาสมุทร รอยแตกนี้เป็นรอยแตกของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งถูกแรงดันจากหินหนืดภายในเปลือกโลกดันออกจากกันทีละน้อย รอยแยกของแผ่นเปลือกโลกที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกต่างๆ


51:48 And we made the earth habitable; a perfect design.
51:48 และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม


“พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง พระองค์ทรงให้
กลางคืนที่คาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน…”
(อัลกุรอาน 39:5)

ใน อัลกุรอาน คำที่ใช้บรรยายถึงจักรวาลนั้นน่าสนใจยิ่ง คำภาษาอาหรับว่า “ ตักวีร ” หมายความว่า “สิ่งหนึ่งเกยซ้อนกับอีกสิ่งหนึ่ง เหมือนกับการพับผ้า” (พจนานุกรมภาษาอาหรับอธิบายว่า เป็นการพันสิ่งหนึ่งเข้ากับอีกสิ่งหนึ่ง)
ข้อความในอายะฮ์เกี่ยวกับเวลากลางวันและกลางคืนที่คาบเกี่ยวซึ่งกันและกัน แสดงข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสัณฐานของโลก การคาบเกี่ยวกันในลักษณะดังกล่าวจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อโลกมีรูปทรงกลมเท่านั้น ความจริงข้อนี้ได้ปรากฏชัดอยู่ในอัลกุรอานตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แล้ว ทั้งที่ในขณะนั้นเรื่องสัณฐานกลมของโลกยังไม่มีใครรู้เลย

อย่างไรก็ตามเราควรตระหนักว่าความเข้าใจทางดาราศาสตร์ ในเวลานั้น ทำให้เรารับรู้เกี่ยวกับโลกได้แตกต่างกัน แต่ก่อนนั้นเคยเชื่อกันว่า โลกแบน การคำนวณและการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ล้วนอาศัยความเชื่อนี้ แต่ทว่าข้อความในอัลกุรอานกลับมีข้อมูลที่มนุษย์เพิ่งจะค้นพบกันเมื่อศตวรรษที่แล้วนี้เอง เนื่องจากอัลกุรอานเป็นวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ทุกถ้อยคำในอัลกุรอานจึงเป็นจริงเสมอ รวมทั้งเรื่องที่กล่าวถึงจักรวาลก็เช่นกัน


นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากอัลกุรอ่าน อัลกุรอ่าน คือ สัจธรรม อัลกุรอ่านไม่ใช่สารานุกรมทางวิทยาศาสตร์

[10:37] และอัลกุรอานนี้มิใช่จะถูกปั้นแต่งขึ้นโดยผู้ ใดนอกจากอัลลอฮ์ แต่เป็นการยืนยันคัมภีร์ที่มีมาก่อน และเป็นการจำแนก ข้อบัญญัติต่าง ๆ ในนั้น ไม่มีข้อสงสัยในคัมภีร์นั้น ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

"บรรดาผู้ปฏิเสธไม่เห็นดอกหรือว่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันแล้วเราได้แยกมันออกเป็นชั้นๆ และเราได้ให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งเกิดมาจากน้ำ" (ซูเราะฮ อัล-อัมบิยาอ์ อายะฮที่ 30)

และตอนนี้วิทยาศาสตร์ได้บอกไว้ว่าต้นตอของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาจากน้ำ


นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอัลกุรอ่าน แน่นอนอัลกุรอานไม่ใช่หนังสือวิทยาศาสตร์ แต่อัลกุรอานก็ได้ระบุถึงข้อเท็จจริงทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ค้นพบด้วยเทคโนโลยีในยุคศตวรรษที่ 20 เอาไว้อย่างลึกซึ้ง
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่อยากให้พี่น้องได้ทำความเข้าใจ ไว้จะมาเพื่มเติมให้ใหม่ อินชาอัลลอฮฺ

วัสลาม
 


อ้างอิงโดย Hassan Aero

26 ความคิดเห็น:

  1. ของพุทธที่คุณเอามานี่ไม่ใช่เรื่องกำเนิดโลกเลยนะครับ มันคนละเรื่องเลยนะครับ แต่ทำไมของอิสลามมีเรื่องนี้อยู่ครับ ชี้แจงด้วยครับ อีกอย่างขอค้านเรื่องนี้ครับ

    "And Allah has made the Earth for you as a CARPET (spread out)" (Quran Sura 71:19)
    และ อัลเลาะห์ ได้สร้างโลกสำหรับคุณดังเช่น พรม (ที่คลี่ออกมา)

    ........เรื่องกำเนิดโลกทางวิทย์บอกว่า โลกเกิดการรวมตัวจากแรงโน้มถ่วง และแรงโน้มถ่วงได้ดึงเอาเศษอุกาบาตและอื่นๆรอบตัวอัดแน่นเข้าจนกลายเป็นโลกครับ......มันขัดกันกับที่บอกว่าถูกคลี่ออกเหมือนพรมนะครับ เพราะมันไม่ได้คลี่ออก มันยุบเข้าหากันแทนนะครับ! ขัดกันไปแล้ว!
    ...................
    ค้านอีกเรื่องครับ
    “เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ”
    (อัลกุรอาน 78:6–7)

    .................พื้นดินมีทั้งที่ราบและที่สูงชัน ยุบต่ำ หลืบ ซอก สูงบ้าง และภูเขาไม่ใช่หลักตรึง เพราะภูเขาเกิดจากการชนของแผ่นเปลือกโลก ส่วนหนึ่งยุบลงไป อีกส่วนก็ได้สูงชันขึ้น! ขัดกันกับวิทยาศาสตร์นะครับ!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ชื่อหัวข้อไม่มีส่วนไหนบ่งชี้ว่า เกี่ยวกับการสร้างโลกครับ (....... เกี่ยวกับโลก )

      "And Allah has made the Earth for you as a CARPET (spread out)" (Quran Sura 71:19)
      ในตัวอย่างข้างบนผมอธิบายไว้เรียบร้อยแล้วครับ ในส่วนนี้พูดถึงในตัวโลกที่มีพื้นดินที่ราบไว้สำหรับการดำรงชีวิตครับ หัวข้อผมไม่ได้พิมพ์เกี่ยวกับการสร้างโลก

      “เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ”
      (อัลกุรอาน 78:6–7)
      พื้นดินมีทั้งที่ราบและที่สูงชัน ยุบต่ำ หลืบ ซอก สูงบ้างถูกต้องแล้วครับ โอ่งการที่ท่านกล่าวมาอยู่ในหมวด อัน-นะบะอฺ :6 โองการนี้ไม่ได้พูดถึงการสร้างโลกครับ แต่กล่าวไว้ซึ่งพื้นที่สำหรับการดำเนิดชีวิตครับ
      [78.6] เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ?

      [78.7] และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ?

      [78.8] และเราได้บังเกิดพวกเจ้าให้เป็นคู่ครองกัน

      [78.9] และเราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้าเป็นการพักผ่อน

      [78.10] และเราได้ทำให้กลางคืนคล้ายเครื่องปกปิดร่างกาย

      [78.11] และเราได้ทำให้กลางวันเป็นที่แสวงหาเครื่องยังชีพ

      [78.12] และเราได้สร้างไว้เหนือพวกเจ้าสิ่งที่แข็งแรงทั้งเจ็ด (ชั้นฟ้า)

      [78.13] และเราได้ทำให้มีดวงประทีปหนึ่งมีแสงสว่างจ้า

      [78.14] และเราได้หลั่งน้ำลงมาอย่างมากมายจากเมฆฝน

      [78.15] เพื่อว่าเราจะให้งอกเงยด้วยน้ำนั้นซึ่งเมล็ดพืชและพืชผัก


      "และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ”
      ย้ำอีกครั้งสำหรับหัวข้อคือ เกี่ยวกับโลก ไม่ได้หมายถึงการสร้างโลก สังเกตุคำว่า "และเรามิได้ให้เทือกเขา" คำว่า "ให้" ในที่นี้หมายถึงหน้าที่ของมันครับ ส่วนคำว่า "เป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ" คือส่วนที่เทือกเขาทำหน้าที่ครับ หน้าที่ของมันคือป้องกันไม่ให้เราสั่นสะเทือนไปพร้อมกับแผ่นดินไหว เพราะบริเวณภูเขาจะเป็นรอยต่อของเปลือกโลก เมื่อเปลือกโลกเคลื่อนตัวจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว และภูเขามีหน้าที่ป้องกันการสะเทือนนั่นคือการ ตรึง ครับ

      ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจในศาสนาอิสลาม ก่อนหน้านี้คุณแม่ของผมก็เป็นพุทธมาก่อน ผมเองก็เคยเข้าไปในวัดได้อ่านคัมภีร์เกี่ยวกับโลก หากแม้ว่าท่านอยากจะสนทนา พระ ไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ทีฆนิกาย มหาวรรค๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖) [๙๗] เพื่อให้คำอธิบายแก่ผมไหมครับ

      ลบ
    2. โลกกลม เขารู้กันมานานแล้วคุณ ก่อนสมัยอริสโตเติลอีก ไปหาดูได้ ปราชญ์กรีกคำนวณเส้นรอบวงโลกได้อย่างใกล้เคียง ตั้งแต่ราว 2,300 ปีก่อนแล้ว

      เทือกเขาก็ไม่ได้เป็นที่ตรึงแผ่นดินอย่างมั่นคงเลย
      เทือกเขาหิมาลัย แผ่นดินไหวบ่อยมาก คราวก่อนรุนแรง ทำคนตายหลายศพ ข่าวออกทั่วโลก

      กรุงเทพฯที่ลุ่มต่ำ จมน้ำประจำนี่ ไม่เคยแผ่นดินไหวคนตายนะ ไหวน้อยกว่าเทือกเขาหิมาลัย ที่มีเอเวอร์เรส สูงที่สุดในโลกหลายเท่า

      เทือกเขายิ่งสูงและยาว เป็นผลจากเปลือกโลกชนกัน ดันสูงขึ้น ไม่ได้เป็นหลักตรึงแผ่นดินให้มั่นคงเลย เป็นแหล่งแผ่นดินชนกัน จนสั่นไหวต่างหากล่ะ รู้ๆกันอยู่

      เทือกเขาแอนดีส ที่ยาวที่สุดในโลกนั่น ก็แผ่นดินไหวบ่อยเลย ชิลีแผ่นดินไหวประจำ


      ยิ่งคัมภีร์เขียนทีหลัง ก็ยิ่งมีข้อมูลมากขึ้น ธรรมดามาก

      แค่ 120 ปีก่อน คนรู้เรื่องหลุมดำไหม ก็ไม่ เครื่องบินยังไม่มีเลย
      แต่ตอนนี้ ส่งยานไปนอกโลกแล้ว

      คัมภีร์ต่างกัน 600ปี พันกว่าปี เอาความรู้คนละยุคมาเทียบกัน มันตลก

      ที่เขียน ก็มาจากคนนี่แหละ บอกภูเขาตรึงแผ่นดินให้มั่นคงนี่
      ไม่ใช่แล้วแหละ

      ลบ
  2. เสริมครับ

    51:48 And we made the earth habitable; a perfect design.
    51:48 และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม

    .........แผ่นดินไม่ได้ขยายแเลยครับ ยังเท่าเดิมทั้งที่ตั้งแต่ตอนเกิดจนถึงตอนนี้ เผลอๆน้อยลงด้วยซ้ำครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แผ่นดินขยายตัวออกจากกันจากที่มันเคยติดกัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ แผ่นเปลือกโลก

      ลบ
    2. แล้วบางส่วนที่เคลื่อนตัวเขาหากันละครับ

      ลบ
    3. ZEN ZEN บรรทัดไหนที่กล่าวถึงการเคลื่อนตัวเขาหากันครับ ผมหาไม่เจอ ไม่แน่ใจกล่าวถึง Pangaea หรืออะไรครับ

      ลบ
    4. แผ่นเปลื่อกโลกมีทั่งส่วนทีเคลื่อนตัวออกแล้วเลื่อนตัวเข้าหากันใช้มัยครับ. หากเคลื่อนตัวออกอย่างเดียวโลกก็แบนสิครับ

      ลบ
    5. ครับ เห็นเข้ามาตอบในคำถามของคุณ bomb borisut ผมจึงนึกว่ากล่าวถึงประเด็นเดียวกัน
      "แผ่นเปลื่อกโลกมีทั่งส่วนทีเคลื่อนตัวออกแล้วเลื่อนตัวเข้าหากันใช้มัยครับ."
      ถูกต้องครับ ถึงมีพื้นที่ยุบและสูง

      ลบ
    6. นับถือ นับถือ ครับ

      ลบ
    7. รู้สึกว่ายกข้อมูลของพุทธน้อยไปนะครับ !!!oh น้อยใจ

      ลบ
    8. หากมีโอกาส จะหามาเพิ่มเติมให้ครับ

      ลบ
    9. http://ccpc2008.blogspot.com/2010/07/blog-post.html

      ลบ
    10. ขอบคุณสำหรับลิ้งที่ให้นะครับ ผมได้เข้าไปอ่านแล้ว ผมขอเริ่มเฉพาะเนื้อหาของ พระไตรปิฎก อย่างเดียวนะครับ
      ในส่วน "โดย 8 ปัจจัย แต่มีปัจจัยแรก ปัจจัยเดียวที่เป็นปรากฏการทางธรรมชาติ"

      ข้อแย้งข้อมูลที่กล่าวว่า "ลมสุริยะทำให้เกิดแผ่นดินไหว" ขอบอกก่อนเลยว่าลมสุริยะนั้นเกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน และทุกครั้งที่เกิดก็ไม่ได้มีผลทำให้ (เช่น) หลักคาบ้านเสียหาย เป็นรู ผุพัก หรือไหม้ และโลกเรานั้นยังมีเกาะป้องกันที่เรียกว่า สนามแม่เหล็กโลกที่คอยห่อหุ้มเอาไว้ เวลาเกิดลมสุริยะเราจะพูดถึงรังสีที่มีผลกระทบกับสนามแม่เหล็กโลกครับ แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับการเกิดแผ่นดินไหว การเกิดแผ่นดินไหว มีต้นเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกครับ (และน้ำมือมนุษย์) หากลมสุริยะมีผลต่อสนามแม่เหล็กโลกให้อ่อนกำลังลงได้ จนถึงขั้นเกิดแผ่นดินไหว คงจะไม่ต้องรอให้แผ่นเดินไหวเกิดหรอกครับ มนุษย์เรานี้แหละที่จะไหวไปก่อนมัน ทั้งนี้ "ลมสุริยะทำให้เกิดแผ่นดินไหวครับ" ผมยังไม่เคยเห็นการพิสูจน์จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงถือเป็นข้อมูลที่ไร้หลักฐานโดยสิ้นเชิงครับ

      ปล. ขอให้สนทนาด้วยข้อมูลที่อ้างอิงได้ด้วย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่เกิดจากการ สมมุติฐาน ยังไม่มีการพิสูจน์ พิสูจน์ไม่ได้ และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ถือว่าเป็นที่ยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ครับ

      ลบ
  3. การสนทนา น่าสนใจดีครั้บสุดยอด

    ตอบลบ
  4. การสนทนา น่าสนใจดีครั้บสุดยอด

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ16 ธันวาคม 2557 เวลา 10:49

    ส่วนใหญ่ถ้าเราลากเส้นตรงสัมผัสกับผิวโลก แล้วลากเส้นตรงอีกเส้นให้ผ่านศูนย์กลางของวงกลมและตั้งฉากกับเส้นแรก ก็จะพบว่า พื้นดินที่ยื่นอยู่ แล้วก็น้ำ ถัดจากน้ำก็เป็นลมอากาศที่รับสัมผัสได้ ถัดจากลมก็เป็นอากาศที่กว้างใหญ่มาก ที่ตรงที่พระอานนท์อาจจะตรงข้ามกับน้ำก็ได้นะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หากจะใช้การลากเส้น บนพื้นดินก็จะอยู่ระนาบเดียวกันกับที่มีลมและอากาศครับ หรือถ้าจะลากเส้นแล้วเปลี่ยนให้โลกนั้นแบน เพื่อที่จะง่ายต่อการดูเหมือนแผนที่ มันก็จะขัดกับกับเหตุ ๘ ประการ ของพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะดูโลกในลักษณะไหน ก็ผิดกับหลักทางวิทยาศาสตร์อยู่ดีครับ

      ลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ27 ธันวาคม 2557 เวลา 22:05

    ใต้เปลือกโลกเป็นของเหลวนิครับ สมัยโบราณคงไม่มีคำว่าลาวา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หากเป็นแบบนั้น แต่ใต้ของเหลวก็ไม่ใช่ลม

      ลบ
    2. แต่ก็ไม่ใช่ "พรม" ไม่ใช่เหรอคะ ?
      เข้าใจว่า บรรดาศาสดาทั้งหลายทั้งมวลนิยมตอบคำถามสาวกแบบให้คิดเอา หรือเชิงเปรียบเทียบน่ะค่ะ

      ลบ
    3. ไม่มีคำกล่าวไหนที่บ่งบอกว่าใต้เปลือกโลกเป็น "พรม" นะครับ

      ""And Allah has made the Earth for you as a CARPET (spread out)" (Quran Sura 71:19)
      และ อัลเลาะห์ ได้สร้างโลกสำหรับคุณดังเช่น พรม (ที่คลี่ออกมา)

      "และอัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินนี้ราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับพวกท่าน"
      การคลี่ออกมาเหมือนพรม นั่นไม่ได้หมายความว่า โลกจะแบน แต่หมายถึงว่าแผ่นดินนั้นแบนราบ มันต่างกัน อัล-อัรฎ แปลว่า แผ่นดิน
      "

      ลบ
  7. น่าสนใจครับ "ทำไมคนเราต้องมีศาสนา?"
    การยืดมั่นในบทบัญญัติของแต่ละศาสนา แล้วนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาความชัดเจนว่าบทบัญญัติของศาสนาใดบันทึกได้ถูกต้องที่สุด โดยนำเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวชี้วัดความถูกต้อง อาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้เพราะการบันทึกทางวิทยาศาสตร์สามารถแก้ไขได้เมื่อค้นพบความจริงใหม่ๆที่พิสูจน์ได้ แต่ในบทบัญญัติของแต่ละศาสนาคงยากที่จะทำการแก้ไขบทบัญญัติ เมื่อเรายึดมั่นถือมั่นอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นเราควรมีระยะห่าง ให้แต่ละบุคคลมีพื้นที่ส่วนตัวในด้านความคิดและศรัทธา
    ความคิดส่่วนตัว ศาสนาทำให้เรามีแนวทางในการดำเนินชีวติอย่างมีความสุข ปลอบโยนเมื่อเรามีความทุกข์ ชี้นำให้เราคลายทุกข์ แบ่งปันความสุขแก่ผู้คนรอบข้าง และจัดระเบียบการดำเนินชีวิตของเราเพื่อลดความขัดแย้งในสังคมที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และศรัทธา

    ตอบลบ
  8. คำว่าคาบเกี่ยวกลางวันกลางคืนก้อเจออยุ่ทุกวันเจอมานานแสนนานเปนกัปเปนกัลแล้วแล้วยังว่าโลกเปนพรหมที่คลี่อีกเปนศาสนาที่ขัดกะวิทยาศาสตร์ผมฟังดุวิทยากรของอิสลามบรรยายก้อวนไปวนมาไม่อธิบายให้ตรงผมไม่มีวันรับศาสนานี้ครับ

    ตอบลบ
  9. มันขัดกับหลักประชาธิปไตยอิสลามไม่ทันกะโลกปัจจุบันชัดเจนครับno อิสลาม

    ตอบลบ
  10. นิพพานเป็นแค่นิทาน20 ธันวาคม 2563 เวลา 19:49

    1. พระพุทธเจ้าสอนไว้ในพระไตรปิฎก อัคคัญญสูตรว่า "สมัยนั้นจักรวาลทั้งสิ้นนี้แลเป็นน้ำทั้งนั้น มืดมนแลไม่เห็นอะไร ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ยังไม่ปรากฏ"

    ...ผิดเต็มๆ เพราะน้ำเกิดหลังจากมีดวงดาวแล้วนะจ๊ะ แล้วจักรวาลก็ไม่เคยมีน้ำลอยอยู่เต็มจักรวาล มั่วทุกจุดจ้า

    2. แล้วพระพุทธเจ้าก็สอนต่อว่า "ครั้นต่อมา โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านาน เกิดง้วนดินลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสดที่บุคคลเคี่ยวให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นฝาอยู่ข้างบน ฉะนั้นง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสีกลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใส หรือเนยข้นอย่างดี ฉะนั้น มีรสอร่อยดุจรวงผึ้งเล็กอันหาโทษมิได้ ฉะนั้น ฯ"

    แล้วอยู่ดีก็มีง้วนดินลอยบนน้ำอีก แถมหอมอร่อย มั่วได้ใจจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนนับถือศาสนาที่สอนผิดๆ ขัดกับวิทยาศาสตร์ชัดเจนแบบนี้อยู่

    ตอบลบ